ถ้าไม่ช่วยตัวเอง แต่ให้คนอื่นทำให้ต้อง reset ใหม่ไหม

[Celebelos]

ตามหัวข้อน่ะครับ
อย่าง นวดปู๋ หรือ sl นะครับ
(ป.ล)ถ้าคำใช้ไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยครับ

[HanFah]

Porn เสพสื่อลามก หนังโป๊
Masturbation ช่วยตัวเอง จะมือหรืออะไร ยังไงก็ตาม
Orgasm ถึงจุดสุดยอด หลั่ง

ผมก๊อบคำตอบคุณ maiden มาครับ แปลตามตัว

[Admin]

เรื่องนี้ก้ำกึ่งเหมือนกัน ตัวadminเองใช้หลักว่า
ไม่ดูหนังโป๊ ไม่ช่วยตัวเอง ไม่ซื้อ ไม่มีอะไรกับคนอื่นนอกจากแฟน/ภรรยา

ดังนั้นถ้าให้แฟนช่วยให้ก็ไม่น่าจะต้อง reset ใหม่
เรื่องไปเที่ยวผมไม่สนับสนุนเลย แต่ก็แล้วแต่วิจารณญานของแต่ละคนครับ

[Tee Tee]

เห็นด้วยกับพี่นัทนะ คือ มันก้ำกึ่ง แบบแล้วแต่ว่า
คน ๆ นั้น ตั้งหลัก ตั้งเกณฑ์ การ reset ของตัวเองยังไง
อย่างของผมก็เอา PMO เป็นหลักแหละ

แต่กรณีให้คนอื่นช่วย ผมมองว่าไม่ต้อง reset นะ   อิ อิ

[keisukehonda]

ถ้าโครงการ No fap คือแค่การเลิกดูหนังโป๊แล้วช่วยตัวเอง การให้คนอื่นใช้มือให้คงไม่ต้องรีเซ็ท
ถ้าโครงการ No fap คือการหยุดปล่อยน้ำอสุจิยกเว้นการมีเพศสัมพันธ์ คุณต้องรีเซ็ทครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องสรุปตัวเองก่อนว่าคุณเข้าร่วมเพราะเหตุผลใดและอยู่โหมดไหน
เช่น ถ้าคุณแค่อยากหยุดใช้หนังโป๊หรือสื่อต่างๆในการชตอ. ซึ่งคุณทำประจำจนเกิดปัญหา
คุณไม่ต้องรีเซ็ท เพราะการที่คุณไปซื้อบริการ ไม่ว่าจะแค่นวดกระปู๋หรือไปลงอ่าง ผมว่ากลไกสมองตอนคุณจะหลั่งน้ำมันคงไม่เหมือนตอนคุณชตอ.อยู่ที่บ้านพร้อมสื่อ แต่คุณจะมาติดทางนี้แทนรึเปล่าอันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต 555 และน่าจะไม่เกี่ยวกับโครงการนี้
แต่ถ้าคุณเป็นโหมดสูงสุดคือเอาเรื่องศีลธรรมเข้ามาแจมด้วย คณไม่สามารถซื้อบริการได้ คุณปล่อยน้ำได้โดยแฟนหรือภรรยาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้มือของเธอหรือใช้ปาก มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่าการชตอ.

อันนี้มุมส่วนตัว รอท่านแอดมินมายืนยันอีกทีครับ

[tuix]

ถ้าอ้างอิงตามคัมภีร์ละกามแล้ว การไปเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการนวดกระปู๋ หรือไซด์ไลน์ ก็ตาม
ถือว่าเป็นการหมกมุ่นในกาม เป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรม ซึ่งอาจจะทำให้ลดทอนอายุขัย
หรือ ตัดรอนโชคลาภวาสนาที่เราสมควรจะได้รับ
ซึ่งถ้ากระทำเป็นประจำจนลุ่มหลงมัวเมา มีแต่จะทำให้ชีวิตในบั้นปลายตกต่ำครับ

[Admin]

อย่างที่คุณ keisukehonda กับคุณ tuix ว่า มันขึ้นอยู่กับเป้าหมายคืออะไร ซึ่งแต่ละคนแตกต่างกัน

พระอาจารย์ภาสกรอธิบายว่า "ทางสายกลาง มันไม่ใช่เอากระดาษมาพับครึ่งแล้วบอกว่านี่คือทางสายกลางของทุกคน"
แต่ละคนของเก่า มีอินทรีย์ไม่เท่า ท่านยกตัวอย่าง ถ้าจำไม่ผิดคือหลวงพ่อเกษมกับเจ้าคุณนรฯ
หลวงพ่อเกษมท่านถือธุดงควัตรขั้นอุกฤษณ์ อยุ่ป่าเขาฉันข้าวเกือบบูดเน่า
ขณะที่ท่านเจ้าคุณนรฯปฏิบัติธรรมกลางกรุง ได้รับความสะดวกสบาย
แต่ก็สำเร็จกิจทั้งคู่ ความแตกต่างคือแต่ละท่านบำเพ็ญมาคนละแบบ รับวิบากกรรมไม่เหมือนกัน

ดังนั้น ทุกคนต้องหาทางสายกลางของตนครับ
ในทางธรรมก็ดูง่าย ๆ คือ ปฏิบัติแบบไหนแล้วกิเลสมันลดลง นั่นแหละทางสายกลาง

ในทางโลกก็เหมือนกันครับ มันจะมีการปฏิบัติที่พอดีที่เหมาะกับเรา ณ ขณะนั้นๆ
ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยและสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น เราต้องเลือกทางของเราเองครับ และอย่าลืมว่า "เราทำอะไร เราก็ได้ผลแบบนั้น"